ขนาด: หน้าตัก 5 นิ้ว
วัสดุ/เทคนิคทำผิว: ขี้ผึ้งต้นแบบ
นางกวัก ( เทพปกรณัม )
ตามประวัติพุทธสาวกในสมัยพุทธกาล เมืองมิจฉิกาสีณฑนคร มีครอบครัวหนึ่งประกอบอาชีพ ซื้อขายสินค้าต่างๆ เลี้ยงชีพ มีลูกสาวชื่อ สุภาวดี ต่อมาผู้เป็นพ่อนำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วยเพื่อ เที่ยวชม สถาที่ต่างๆ การไปค้าขายกับบิดาทำให้สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับพระ กัสสปเถรเจ้า เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรมหลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้วพระกัสสปเถรเจ้ากำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ประสิทธิประสาทพร ให้สุภาวดีและครอบครัว โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟัง เมื่อสุภาวดีติดตามไปค้าขายยังเมืองอื่นด้วยกุศลบารได้มีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านนามว่า พระสิวลีเณรเจ้า การฟังอย่างตั้งใจสุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆเป็นอันมาก พระสิวลีเณรเจ้าได้กำหนดกุศลจิตประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัวเช่นเดียวกันกับจิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์ส่งผลให้บิดาทำการ ค้าขายได้กำไรไม่เคยขาดทุน บิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นศิริมงคลที่แท้จริงที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครับเวลาผ่านไปไม่นานครอบครัวร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี และบิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้าปฎิบัตธรรมด้วยความศรัทธาพร้อมทั้งใช้ทรัพย์สินที่ได้มาจากบุญบารมีของลูกสาวนั้นบำรุงศาสนา ทำบุญ สร้างอุทยานแก่พระภิกษุสงฆ์จากทั่วทุกสารทิศ พร้อมทั้งสร้างวิหารและถวายปัจจัยแก่พระสงฆ์อย่างสม่ำเสมอชาวเหลือคนตลอดจนผู้คนต่างรับรู้ เรื่องราวและบารมีของสุภาวดี (นางกวัก) ที่เป็นที่มาแห่งความร่ำรวย ก่อโชคลาภทางการค้าขาย ทั้งเป็นผู้มีศีลธรรมแม้เมื่อสุภาวดีตายไปแล้วความมีอิทธิฤทธิ์ในทางโชคลาภและการค้าก็เล่าสืบต่อ กันมาถึงคนรุ่นหลังมีผู้นับถือมากมายถึงกับปั้นรูปสุภาวดีไว้บูชาขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อ ดังกล่าวนี้ก็แพร่หลายเข้ามา ยังสุวรรณภูมิ จากการเผยแพ่รของพราหมณ์