ขนาด: 89 นิ้ว
ฤๅษีตนหนึ่ง นามว่า ทุรวาส เป็นปางหนึ่งในการอวตารของพระศิวะ วันหนึ่ง พระอินทร์ได้ทรงช้างเอราวัณผ่านมา เมื่อฤๅษีทุรวาสเห็นก็ได้นำพวงมาลัยถวายแก่พระอินทร์ แต่เมื่อช้างเอราวัณได้กลิ่นของดอกไม้ก็มึนเมา และกระทืบพวงมาลัยจนเละ ส่วนพระอินทร์ก็มิได้กล่าวคำขอโทษใดๆ เลย ทำให้ฤๅษีทุรวาสโกรธมากและสาปให้เทวดาต้องพ่ายแพ้ทุกครั้งที่รบกับยักษ์ และก็เป็นจริงดังว่า เมื่อเหล่าเทวดารบกับยักษ์เมื่อใด ก็ต้องพ่ายแพ้ทุกครั้ง เหล่าเทวดาจึงไปปรึกษาพระนารายณ์ พระนารายณ์ก็แนะนำว่าควรทำพิธีกวนเกษียรสมุทร หรือทะเลน้ำนม อันเป็นที่ประทับของพระองค์เองให้เกิดเป็นน้ำอมฤต เมื่อได้ดื่มน้ำอมฤตแล้ว ก็จะมีกำลังวังชาแข็งแรง และมีชีวิตเป็นอมตะ แต่การทำพิธีครั้งนี้ จะอาศัยแรงของเทวดาอย่างเดียวมิได้ เหล่าเทวดาจึงหลอกล่อให้เหล่ายักษ์มาช่วยทำพิธีด้วย โดยบอกว่า หากทำพิธีสำเร็จ จะแบ่งน้ำอมฤตให้พวกยักษ์ดื่มด้วย การทำพิธีเริ่มขึ้น โดยใช้ภูเขามันทระเป็นไม้กวน และใช้ลำตัวของพญาอนันตนาคราชเป็นที่ชุดดึงให้ภูเขาหมุน เทวดาดึงด้านหางของพญานาค เหล่ายักษ์ดึงทางด้านหัวของพญานาค นอกจากนี้ พระนารายณ์ยังได้แปลงกายเป็นเต่าหนุนภูเขามันทระมิให้ล้มลงด้วย จนเวลาผ่านไป พญานาคถูกฉุดดึงมากๆ เข้า ก็เกิดอ่อนล้า จึงคายพิษออกมา พระศิวะทรงทอดพระเนตรเห็นจึงได้ดูดพิษนั้นเข้าไป เพราะทรงเกรงว่า พิษนั้นจะทำอันตรายแก่ชาวโลก ด้วยเหตุนี้ พระศอ (คอ) ของพระศิวะ จึงมีสีดำตลอดมา เมื่อกวนเกษียรสมุทรจนได้ที่ ก็บังเกิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายผุดขึ้นจากเกษียรสมุทร เช่น ดอกปาริชาติ ม้าอุจไฉศรพ และน้ำอมฤต เมื่อได้น้ำอมฤตแล้ว เหล่าเทวดาและยักษ์ก็แย่งชิงน้ำอมฤตกัน พระนารายณ์จึงได้แปลงกายเป็นนางอัปสรหลอกล่อให้เหล่ายักษ์พากันลุ่มหลง เปิดโอกาสให้เหล่าเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤต แต่ทว่า ราหู ไม่หลงกลของพระนารายณ์ จึงได้แปลงกายเป็นเทวดาเข้ามาร่วมดื่มน้ำอมฤตด้วย แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์จำราหูได้ จึงไปกราบทูลพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงได้ขว้างจักรไปตัดตัวราหูขาดเป็นสองท่อน ซึ่งราหูดื่มน้ำอมฤตไปแล้ว จึงไม่ตายเมื่อถูกตัดตัว และด้วยความแค้นที่ทำให้ตนต้องถูกตัดตัวจนพิการเช่นนี้ ราหูจึงได้ไล่จับพระอาทิตย์และพระจันทร์มากลืนกินด้วยความแค้น เป็นตำนานของราหูอมจันทร์